หน้าแรก > ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด > ข้าวเหนียวพันธุ์ใหม่ ต้นเตี้ย แต่ต้านโรคไหม้และขอบใบแห้ง
ข้าวเหนียวพันธุ์ใหม่ ต้นเตี้ย แต่ต้านโรคไหม้และขอบใบแห้ง 22 มกราคม 2556

ข้าวเหนียวพันธุ์ใหม่ ต้นเตี้ย แต่ต้านโรคไหม้และขอบใบแห้ง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 ธันวาคม 2555 18:20 น.

    เปิดตัวข้าวเหนียว “กข.6” พันธุ์ใหม่ ต้นเตี้ย แต่ต้านทานโรคไหม้และขอบใบแห้ง พัฒนาต่อจากข้าวเหนียวชื่อพระราชทาน “ธัญญสิริน” เหมาะปลูกในพื้นที่ดินดี น้ำดี แต่ขาดแคลนแรงงาน ต้องใช้เครื่องจักรกลเข้าเก็บเกี่ยว
      
       ดร.ธีระยุทธ ตู้จินดา นักวิจัยอาวุโส ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) เผยถึงข้าวเหนียวพันธุ์ใหม่ ซึ่งพัฒนาต่อจาก “ธัญญสิริน” ข้าวเหนียว กข6 ที่สามารถต้านทานโรคไหม้ซึ่งเป็นโรคสำคัญในนาน้ำฝน และเป็นข้าวเหนียวเพียงพันธุ์เดียวที่ได้รับชื่อพระราชทาน ส่วนข้าวเหนียวพันธุ์ใหม่นี้ยังไม่ได้รับการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ
      
       นอกจากความสามารถในการต้านทานโรคไหม้แล้ว ข้าวเหนียวพันธุ์ใหม่ยังสามารถต้านทานโรคขอบใบแห้งเพิ่มขึ้น และได้รับการปรับปรุงพันธุ์ให้ต้นเตี้ยลง โดยมีความสูงประมาณ 130 เซนติเมตร ซึ่งเหมาะแก่การเก็บเกี่ยวด้วยเครื่องจักร และยังลดปัญหาต้นข้าวล้ม อีกทั้งความสูงที่ลดลงนี้ ดร.ธีระยุทธกล่าวว่าทำเกษตรกรเพิ่มผลผลิตแก่ต้นข้าวได้มากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลว่าข้าวจะล้ม ซึ่งจากการปลูกมา 2 รุ่นข้าวเหนียวพันธุ์นี้ให้ผลผลิตประมาณ 800 กิโลกรัมต่อไร่
      
       “ข้าวเหนียวพันธุ์นี้เหมาะแก่พื้นที่ดินดี น้ำดี และช่วยแก้ปัญหาเรื่องข้าวล้ม โดยการพัฒนาข้าวพันธุ์นี้เกิด จากความร่วมมือของหลายหน่วยงาน อาทิ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรมการข้าว ไบโอเทค สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และพัฒนาขึ้นจากความต้องการของชาวนาโดยตรง” ดร.ธีระยุทธ ซึ่งมีส่วนพัฒนาพันธุ์ข้าวโดยใช้เครื่องหมายดีเอ็นเอ (DNA Marker) มาช่วยในการคัดเลือกเพื่อปรับปรุงพันธุ์กล่าว โดยใช้เวลา 2 ปีในการต่อยอดจากข้าวเหนียวธัญญสิริน
      
       ทั้งนี้ เป็นการเปิดตัวระหว่างการแถลงข่าวจัดการประชุมวิชาการข้าวแห่งชาติ ครั้งที่ 2 ในหัวข้อ มิติใหม่วิจัยข้าวไทย ระหว่างวันที่ 21-23 ธ.ค.55 ณ โรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด ซึ่งจัดขึ้นโดยมูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กับอีก 8 องค์กร อาทิ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรมการข้าว ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นต้น

ขอขอบคุณ
ที่มาข้อมูลและภาพประกอบ
http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9550000151475


ย้อนกลับ