หน้าแรก > ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด > “วาเลนไทน์”ปี 56 ผลวิจัยพบ บอกรักผ่าน Social Media เทรนด์แรงยุคดิจิทัล โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
“วาเลนไทน์”ปี 56 ผลวิจัยพบ บอกรักผ่าน Social Media เทรนด์แรงยุคดิจิทัล โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย 14 กุมภาพันธ์ 2556

“วาเลนไทน์”ปี 56 ผลวิจัยพบ บอกรักผ่าน Social Media เทรนด์แรงยุคดิจิทัล โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

ประเด็นสำคัญ

* ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า เทศกาลวาเลนไทน์ปี’56 ยังคงได้รับความสนใจจากคนหนุ่มสาวชาวกรุงฯ และสร้างเม็ดเงินสะพัดในกรุงเทพฯกว่า 1,300 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

* การส่งมอบความรักผ่าน Social Media กลายเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมของกลุ่มคนรุ่นใหม่ นอกเหนือจากการมอบดอกไม้ ช็อคโกแล็ต และการทำกิจกรรมอื่นๆ

* แม้จะเป็นเทศกาลเพียงแค่ 1 วัน แต่ผู้ประกอบการก็ไม่ควรพลาดโอกาสทำกลยุทธ์กระตุ้นยอดขายในช่วงต้นปี โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้า ธุรกิจร้านดอกไม้ และร้านอาหารที่น่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

 ‘วาเลนไทน์’ ปี 2556 แม้ว่าปัจจุบัน ประชาชนมีแนวโน้มเผชิญกับค่าครองชีพที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น (ราคาสินค้า ค่าไฟฟ้า น้ำมัน) แต่คาดว่า ผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและวัยเริ่มต้นทำงาน ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของเทศกาลนี้ ก็ยังคงให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์ และยังคงมีการใช้จ่ายเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ดังนั้น เทศกาลวาเลนไทน์ น่าจะเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่บรรดาผู้ประกอบการธุรกิจต่างคาดหวังว่าจะสามารถกระตุ้นยอดจำหน่ายสินค้าและบริการได้เพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจร้านดอกไม้ ร้านอาหาร เป็นต้น

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ทำการสำรวจ “พฤติกรรมของผู้บริโภคในกรุงเทพฯในช่วงวันวาเลนไทน์ปี 2556” ระหว่างวันที่ 25 ม.ค. -5 ก.พ. 56 โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 410 คน อายุระหว่าง 15-35 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่น่าจะให้ความสนใจเป็นพิเศษกับเทศกาลดังกล่าว โดยสามารถสรุปประเด็นสำคัญได้ ดังนี้

 วัยรุ่นและวัยทำงานชาวกรุงฯ…ยังคงสนใจทำกิจกรรมต่างๆ ในวันวาเลนไทน์กว่าร้อยละ 65

เทศกาลวาเลนไทน์ เป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่ยังคงได้รับความสนใจจากคนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและวัยเริ่มต้นทำงาน ซึ่งจากผลสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยพบว่า คนกรุงเทพฯที่มีอายุระหว่าง 15-35 ปี ยังคงให้ความสนใจทำกิจกรรมต่างๆ ในช่วงวันวาเลนไทน์กว่าร้อยละ 65 ของผู้ที่ตอบแบบสอบถามทั้งหมด และกว่าร้อยละ 50 ของผู้ที่ให้ความสนใจนั้น ก็ได้มีการวางแผนค่าใช้จ่ายในช่วงวันวาเลนไทน์ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หากเราพิจารณาถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคในการใช้จ่ายซื้อสินค้าและทำกิจกรรมต่างๆ พบว่า

 * กุหลาบแดง…สื่อรักยอดฮิตโดนใจวัยรุ่น  แม้ว่าวันวาเลนไทน์ในปีนี้จะตรงกับวันธรรมดา ซึ่งเป็นวันทำงาน/เรียนหนังสือก็ตาม แต่ก็คาดว่า ผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของเทศกาลนี้ ก็ยังคงให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์ และยังคงมีการใช้จ่ายเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งนี้ จากการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า ‘ดอกกุหลาบ’ ยังคงเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องของกลุ่มคนวัยรุ่นที่มีอายุระหว่าง 15-24 ปี โดยเฉพาะดอกกุหลาบสีแดง ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์ ทั้งนี้ กว่าร้อยละ 55 ของผู้ที่ตอบแบบสอบถาม จะมีการเลือกซื้อดอกไม้ผ่านร้านจัดดอกไม้เป็นหลัก

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ทำการสำรวจราคาดอกกุหลาบพบว่า ราคาดอกกุหลาบในช่วงวาเลนไทน์ปีนี้ มีราคาใกล้เคียงกันกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนวันวาเลนไทน์ ราคาดอกกุหลาบจะมีราคาเพิ่มสูงขึ้นทุกปี และจะค่อยๆทยอยปรับราคาขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงคืนวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ ราคาจะพุ่งสูงสุดกว่าช่วงปกติหลายเท่าตัว ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ปกติในช่วงคืนก่อนวันวาเลนไทน์ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าวันวาเลนไทน์ปีนี้ ราคาดอกกุหลาบจะยังคงปรับเพิ่มสูงขึ้นกว่าช่วงปกติหลายเท่าตัว แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อการซื้อขายดอกกุหลาบในช่วงวันวาเลนไทน์มากนัก

* ช็อคโกแล็ต… สินค้าที่สามารถตอบโจทย์ได้กับกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย นอกจากดอกไม้แล้ว จากการสำรวจพบว่า ‘ช็อคโกแล็ต’ เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่ผู้บริโภคให้ความนิยม เนื่องจาก มีให้เลือกหลายแบบและหลายราคา จึงสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม อย่างไรก็ตาม ถ้าพิจารณาถึงประเด็นในการให้ช็อคโกแล็ตในช่วงวันวาเลนไทน์พบว่า ส่วนหนึ่งเป็นการให้เพื่อแสดงถึงความรักระหว่างเพื่อนในช่วงวัยรุ่น รวมไปถึงเพื่อนร่วมงาน แต่ถ้าเป็นกลุ่มที่ซื้อให้คู่รักหรือแฟนนั้นมองว่า การให้ดอกไม้โดยเฉพาะดอกกุหลาบยังคงมาเป็นอันดับหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีสินค้าประเภทอื่นๆที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภค อาทิ การ์ดอวยพร ขนมหรือลูกอม เป็นต้น ทั้งนี้ กว่าร้อยละ 80 ของผู้ที่ตอบแบบสอบถาม เลือกซื้อสินค้าอื่นๆที่ไม่ใช่ดอกไม้ในห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก

* การรับประทานอาหารนอกบ้าน…กิจกรรมพิเศษครองใจกลุ่มคนวัยทำงาน กิจกรรมพิเศษในช่วงวัน  วาเลนไทน์ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมสำหรับคนกรุงเทพฯ ควบคู่ไปกับการมอบสินค้าให้เป็นของขวัญวาเลนไทน์ ทั้งนี้ จากการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยพบว่า กลุ่มคนวัยทำงานที่มีอายุระหว่าง 25-35 ปี ส่วนใหญ่เลือกที่จะรับประทานอาหารนอกบ้านในช่วงวันวาเลนไทน์มากกว่าการมอบดอกไม้หรือสินค้าประเภทอื่นๆให้เป็นของขวัญ ดังนั้น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า หรือร้านอาหารต่างๆ ก็น่าจะเป็นธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์

บอกรักผ่าน Social Media…เทรนด์ใหม่มาแรงยุคสังคมดิจิทัล

สำหรับวาเลนไทน์ในปี 2556 นี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า นอกจากการซื้อสินค้ามอบให้เป็นของขวัญ รวมถึงการทำกิจกรรมพิเศษอื่นๆ ร่วมกันแล้ว คนกรุงเทพฯ ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของวันวาเลนไทน์ก็ได้มีการเพิ่มช่องทางการแสดงความรักผ่าน Social Media กันมากขึ้น ซึ่งจากผลการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยพบว่า การบอกรักผ่าน Social Media เป็นอีกหนึ่งช่องทางเสริมที่คนกรุงเทพฯให้ความสนใจสูงถึงร้อยละ 70 ของผู้ที่ตอบแบบสอบถามทั้งหมด โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า Social Media เป็นช่องทางที่มีความสะดวก รวดเร็วกว่าร้อยละ 88 อีกทั้งมีการใช้ Smart phone และ Tablet ในการเข้าถึง Social Media อยู่เป็นประจำ

 ดังนั้น Social Media น่าจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นการเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ แต่ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ให้กับผู้บริโภคได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำการตลาดสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลวาเลนไทน์ผ่านการสร้างสติ๊กเกอร์แบรนด์สินค้าที่ใช้ใน Apps. Chat ต่างๆ หรืออีการ์ด เป็นต้น โดยช่องทาง Social Media ที่ได้รับความสนใจ คือ Facebook

วาเลนไทน์ปีนี้ เงินสะพัดทั่วกรุงเทพฯกว่า 1,300 ล้านบาท…อานิสงส์หลากธุรกิจที่เกี่ยวข้อง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ปี 2556 การจับจ่ายในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ของคนกรุงเทพฯที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก (อายุระหว่าง 15-35 ปี) จะมีเม็ดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1,300 ล้านบาท และขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาสินค้า โดยเฉพาะราคาอาหารที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับสินค้าที่คนกรุงเทพฯคาดว่า จะซื้อให้เป็นของขวัญในปีนี้นั้นมีมูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยทุกกิจกรรมในช่วงวาเลนไทน์อยู่ที่ประมาณ 1,280 บาท/คน เทียบกับปีที่แล้วที่มีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,220 บาท/คน

 จะเห็นว่าเทศกาลวาเลนไทน์ น่าจะเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่ทำรายได้ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่เกษตรกรผู้ปลูกดอกกุหลาบ ผู้ค้าส่งดอกกุหลาบ ไปจนถึงร้านจัดดอกไม้ นอกจากนี้ ยังมีสินค้าอื่นๆที่ผู้บริโภคนิยมเลือกซื้อ และทำร่วมกันในช่วงวันวาเลนไทน์ เช่น ช็อคโกแล็ต หรือสินค้าที่เป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลวาเลนไทน์ ในขณะที่กิจกรรมพิเศษที่นิยมทำ ได้แก่ การรับประทานอาหารนอกบ้าน ดูหนัง และช็อปปิ้ง เป็นต้น ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำหรับธุรกิจค้าปลีก อาทิ ห้างสรรพสินค้า ร้านซูเปอร์มาร์เก็ต หรือแม้แต่ร้านอาหาร และโรงภาพยนตร์

 ดังนั้น การทำ Marketing ที่เกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ เพื่อสร้างบรรยากาศให้กับผู้บริโภค ก็น่าจะมีบทบาทสำคัญที่สามารถดึงดูดกลุ่มผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคทางตรงที่ตั้งใจจะมาเลือกซื้อสินค้าและทำกิจกรรมในช่วงวันวาเลนไทน์อยู่แล้ว หรือกลุ่มผู้บริโภคทางอ้อมที่อาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์ แต่เกิดความสนใจจากการทำกลยุทธ์ทางการตลาดของผู้ประกอบการ จนเกิดความต้องการในสินค้าและบริการนั้น ซึ่งอาจจะช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าและบริการให้กับธุรกิจได้พอสมควร ยกตัวอย่างเช่น ห้างสรรพสินค้าอาจจะเนรมิตพื้นที่ในห้างสรรพสินค้าและบริเวณโดยรอบให้เป็นบรรยากาศของวันแห่งความรัก อาจมีการตกแต่งด้วยดอกไม้ ของขวัญ และจัดทำโปรโมชั่นลดราคาสินค้าที่เป็นของขวัญยอดฮิตในช่วงวันวาเลนไทน์ หรือร้านอาหารอาจจะจัดทำเมนูอาหารพิเศษ หรือตั้งชื่อเมนูแนะนำให้สอดคล้องกับช่วงวันแห่งความรัก เป็นต้น

ขอขอบคุณ
ที่มาข้อมูล
http://patnews.wordpress.com/2013/02/08/วาเลนไทน์ปี-56-ผลวิจัยพบ-บ/
ที่มาภาพประกอบ
http://www.123rf.com/photo_11863201_valentine-tree-with-hearts-leaves-and-birds.html


ย้อนกลับ