ถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นเทรนด์นวัตกรรมแห่งอนาคตที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากไม่มีการเผาไหม้ของเครื่องยนต์
จึงไม่ก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศ อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาสูงและมีแนวโน้มขาดแคลนมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่การจะเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างปุบปับก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องอาศัยแรงสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชนในการพัฒนา
เทคโนโลยีภายในประเทศให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น มีศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน มีสถานีชาร์จไฟฟ้าเพียงพอต่อความต้องการ

ซึ่งหลายประเทศในแถบยุโรปทั้งภาครัฐและเอกชนได้ร่วมมือกันวางแผนนโยบายสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง และไม่หยุดคิดค้น
พัฒนาเทคโนโลยีที่เอื้ออำนวยต่อการใช้งานยานพาหนะรักษ์โลก อย่างเช่นในเมืองลุนด์ ประเทศสวีเดน บริษัท Elonroad ได้ทดลองสร้างถนน
ที่มีจุดชาร์จไฟอยู่ตรงกลาง ทำให้สามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าไปในระบบรถยนต์ขณะขับขี่ได้โดยไม่ต้องหยุดรถ

โดยเมื่อรถแล่นบนถนนชาร์จไฟหนึ่งกิโลเมตร จะสามารถกักเก็บพลังงานไว้ใช้แล่นต่อบนถนนธรรมดาได้อีกสองกิโลเมตร เราจึงไม่จำเป็นต้องติดตั้ง
อุปกรณ์ชาร์จไฟบนถนนทุกสาย แค่ติดตั้งไว้บนถนนสายหลักก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว และวิธีการติดตั้งบนพื้นถนนก็ค่อนข้างง่าย ซึ่งพวกเขาจะทดลองสร้างถนนสาธิตขึ้นในปี 2020

.

นอกจากนี้ Dan Zethraeus ซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัท Elonroad ยังคาดการณ์ว่า หากถนนชาร์จไฟได้รับการพัฒนาให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้าใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็กลง ซึ่งหมายความว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะมีราคาถูกลง และกระบวนการผลิตก็เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย

ไม่ใช่แค่บริษัท Elonroad เท่านั้นที่ตื่นตัวกับนวัตกรรมนี้ แนวคิดเรื่องถนนชาร์จไฟกำลังถูกพัฒนาขึ้นตามเมืองต่างๆ ทั่วโลก เช่น ในกรุงสตอกโฮล์ม ก็มีโครงการ eRoadAlanda 

ที่สร้างถนนชาร์จไฟขึ้นบนเส้นทางระหว่างสนามบินอาร์ลันดากับศูนย์กระจายสินค้าบริษัท PostNord หรือในเยอรมนีก็มีบริษัท Siemens ที่นำระบบสายชาร์จไฟบนอากาศมาทดลองใช้กับรถบรรทุก
ส่วนประเทศไทยตอนนี้ก็เริ่มมีหลายแบรนด์เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าออกมาบ้างแล้ว ต้องจับตามองกันต่อไปว่าในอนาคตเราจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสิ่งแวดล้อม

#คุณภาพสิ่งแวดล้อมคือคุณภาพชีวิต  ที่มาข้อมูล กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม